วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

Start up PageQQ ธุรกิจทางเลือกใหม่ล่าสุดแห่งอนาคตที่สดใส



  Start up PageQQ  ธุรกิจใหม่ล่าสุดแห่งอนาคตที่สดใส
Start up แบรนด์ PageQQ  ธุรกิจออนไลน์คลื่นลูกที่ 5 ที่มาแรง
Pageqq.com คือ เว็บไซต์ที่แบ่งขายเนื้อที่จัดเก็บข้อมูลและระบบให้เราสามารถเขียนบทความ     ข่าว สื่อ ให้สามารถเผยแพร่ออนไลน์ได้ (เหมือนเฟจบุ๊ก,ทวิตเตอร์) นอกจากนั้นยังเปิดโอกาส ให้เราสามารถสร้างรายได้ ได้ด้วย โดยการแนะนำสมาชิกและสร้างเนื้อหาออนไลน์ที่น่าสนใจเผยแพร่  เมื่อมีคนเข้ามาดูหรือแชร์เราก็จะได้รายได้นั่นเอง (หากเราไม่ถนัดแนะนำคนก็เขียนเนื้อหาออนไลน์  เพื่อให้คนอ่านเพื่อสร้างรายได้) 

หาเงินแบบ passive income  

ความหมาย 

http://passive income  กับ pageqq.com
หาเงินออนไลน์ กับ pageqq.com
เรามาแนะนำการหาเงินออนไลน์ อีกเจ้าหนึ่งครับที่กำลังมาแรง pageqq.com page qq ดียังไง ในความคิดของผมนั้น ไม่ชอบการหาเงินออนไลน์กับ การทำ mlm มาก เพราะต้องไปชักชวนผู้คน เพื่อนๆให้สมัครนั่นนี่ ชวนไปซื้อของ ต้องขายของ ดีไม่ดีอาจเสียเพื่อน เสียญาติไปด้วย   แต่ความคิดหลักของผมในการหาเงินออนไลน์คืออะไร คือต้องการหาระบบที่สร้าง passive income ให้เรา โดยที่เราไม่ต้องทำงานอะไรก็มีเงินเข้ามา เพราะระบบมันทำงานของมันเองอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อการทำงาน ใดๆที่เข้าเงื่อนไข passive income นี้ผมก็ไม่พลาดที่จะต้องลงมือท






pageqq.com ดีจริงเหรอ ?
นี่คือคำถามแรกที่ผมถามตัวเอง หลังจากเห็น เว็บ pageqq.com หลังจากมีคนแชร์ข้อมูลจาก pageqq.com มา ความคิดแรกของผมคือ คงเหมือนเว็บหาเงินออนไลน์ทั่วไป ที่เน้นแชร์ข้อมูลไปทั่ว แล้วก็แสปมชาวบ้านเขาไปทั่ว ไม่สนใจ คิดว่าคงเป็นเว็บทั่วไปๆ
แต่!!! พอดีภาพที่เขาแชร์มามันตรงกับงานที่ผมต้องการพอดี เลยคลิกเข้าไปดูรายละเอียดเจ้า pageqq.com กันซะหน่อย อ่านแล้ว อึ้งไปแป้ป ปรากฏว่าตรงกับใจ งานออนไลน์ ที่ผมหามานานพอดี มาดูเหตุผลกัน ทำไมเพจคิวๆ ถึงเป็นงานที่ผมต้องการ
เหตุผลที่ควรหาเงินออนไลน์กับ pageqq.com   <https://www.pageqq.com/en/register.html?sponsor=THQ065123>
  1. ไม่ต้องขายของ นี่แหละไม่ชอบมากงานขายกับคนหาเงินออนไลน์อย่างเรา
  2. มีรายได้แบบ passive income <http://passive income>  หยุดทำก็ยังมีรายได้ แถมเป็นรายวันต่างหาก
  3. ตอนแรกผมคิดว่าจะสมัครไปงั้นแหละเข้าไปดูระบบ pageqq.com ว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่คิดแนะนำใครหรอกอีก 3 วันมาดูปรากฏว่า มีเงินอยู่ 0.5 Q ตกประมาณ 25 บาท ที่เป็นแบบนี้ เพราะ เป็นระบบ autorun     ไม่แนะนำใคร ก็มีรายได้จริงๆ ไม่ได้หลอกเรา เลยคิดว่าน่าสนใจมาก ดีกว่างานคลิ๊กโฆษณาต่างๆ ที่ได้น้อยมาก
ทำไมจึงควรเริ่มต้นหาเงินออนไลน์จาก pageqq.com 
ทุกวันนี้ เป็นยุคสมัยของการใช้งานอินเตอร์เน็ตทางมือถือ คนส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตกันเกือบทุกวัน   แชร์ข้อมูล ต่างๆผ่านเฟชบุ๊ก google plus line แต่จะดีกว่าไหม ถ้าคุณแชร์แล้วได้เงิน แถมเรื่องที่แชร์นั้นก็มีสาระ มีประโยชน์ ทุกๆวันที่คุณเล่นเฟชบุ๊ก เจ้าของเฟชบุ๊กได้เงิน แต่คุณไม่ได้อะไรเลย หากวันนี้คุณใช้ การแชร์ผ่าน pageqq.com จะทำให้คุณมีรายได้ แถมไม่สิ้นสุด มีเข้ามาทุกวัน pageqq ทำให้คุณเป็นเจ้าของระบบหาเงินออนไลน์ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรืองการทำเว็บไซต์ใดๆ เลย เพียงแค่คุณชอบเนื้อหาอันไหน อ่านแล้วแชร์ แค่นี้ก็ทำให้คุณมีรายได้แล้ว อย่างไม่สิ้นสุด มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่วัน แต่ยิ่งทำก็ยิ่งมีรายได้มากขึ้น   แม้แต่คุณหยุดทำยังมีรายได้ผมรับประกัน เพราะผมแค่สมัครก็มีรายได้ เป็นไปได้ยังไง เพราะทำงานด้วยระบบ autorun ครับ
อ่านตรงนี้ก่อน :  เพื่อศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจสมัคร https://www.blogger.com/blogger
pageqq.com  ไม่ฟรีนะครับ    มีค่าสมัครแรกเข้า 1,000 บาท  แต่สามารถทดลองดูก่อนได้ ถ้าหากท่านเห็นว่าแค่สมัครทิ้งไว้  3 วัน ก็มีเงินเข้าจากระบบ   autorun   และเห็นว่าดีค่อยอัพเกรดครับ  ที่ชวนให้เพื่อนๆมาทำ   เพราะเนื่องจากว่า   เป็นระบบ autorun  ไม่ต้องชวนใครก็มีรายได้ ส่วนเรื่องการอัพเกรด ก็แล้วแต่ดุลพินิจของท่านครับ
แต่หากดู ในเรื่องของการสร้างรายได้แล้ว เงิน 1,000 บาทมีค่าแค่ไหน บางคนใช้วันเดียว ก็หมดแล้ว 1,000 บาท ใช้ซื้อเสื้อสวยๆสักตัวก็หมด แล้วหากเราอยากเปลี่ยนแปลงเงิน 1000 บาทให้มาสร้างรายได้ให้กับเราตลอดไปดีไหม  เรื่องนี้แล้วแต่ดุลพินิจของท่านครับ กับการสร้างโอกาศให้ตัวเอง   แค่ทดลองสมัคร ไม่จำเป็นต้องอัพเกรด ถ้าดีจริงค่อยอัพเกรด นี่คือคำยืนยันจากผม ผู้หาเงินออนไลน์ มาแล้ว 5 ปี  และไม่ชอบ ระบบ mlm  ทั่วๆไปที่ต้องกักตุนสินค้ามาขายเป็นอย่างมาก และปัจจุบันผมได้หลุดพ้นจากระบอบมนุย์เงินเดือนแล้วครับ
ร่วมทีมกับเราเพื่อสร้างทีมให้แข็งแกร่ง>>  https://www.blogger.com/blogger.g?
https://www.blogger.com/blogger.g? ลงทะเบียนสมัครที่นี่ครับ > https://www.pageqq.com/en/register.html?sponsor=THQ065123 <

หากท่านเปิดใจทดลองใช้   >>  คลิ๊กสมัครที่นี่ครับ
   >https://www.pageqq.com/en/register.html?sponsor=THQ065123    
 ผมจะแนะนำเทคนิคสุดพิเศษกับการสร้างรายได้กับ pageqq.com แนะนำเฉพาะผู้สมัครผ่านหน้านี้เท่านั้น

pageqq ได้เงินจริงครับ ผมสมัครทิ้งไว้เฉยๆก็ได้เงินจริง ถอนได้ด้วย ทั้งที่ไม่ได้อัพเกรด  เพราะเป็นระบบ autorun สมัครทิ้งไว้ก็มีคนต่อท้ายเอง
หลักฐานการได้เงินจาก pageqq

ตอนนี้ได้ 700 กว่าบาท ไม่ได้อัพเกรดไม่ได้ทำอะไรเลยครับ

สายงานที่เกิดขึ้นจากระบบ autorun

ถือว่าเป็นแนวทางหาเงินออนไลน์ ทางหนึ่งเท่านั้นครับ หากอยากทดลอง ก็สมัครตามขั้นตอนที่แนะนำได้ครับ  หากท่านเปิดใจทดลองใช้   >>  คลิ๊กสมัครที่นี่ครับ   > https://www.pageqq.com/en/register.htmlsponsor=THQ065123<


      หรือดูแล้วยังไม่เข้าใจขั้นตอนที่สมัครก็ให้ดูขั้นตอนอย่างละเอียดได้ที่นี่ครับ<< http://advertising-promote.blogspot.com/2017/02/pageqq.html>>
      ข้อมูลบริษัทเซิร์ฟ โฟร์บิซจำกัด( SERV4 BIZ ) จดทะเบียน เมื่อพ.ศ.2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท  ดูรายละเอียดที่นี่ ครับ < https://www.blogger.com/blogger.g?blogID >
      ข้อมูลผู้ก่อตั้ง pageqqดูรายละเอียดที่นี่ครับ< https://www.blogger.com/blogger.g?blogID >
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------    ID Line @ :@rud 4217w
  ติดต่อ ผู้แนะนำ (sponsor) : ภักดี  รัตนมุขย์
  รหัส sponser ID:THQ065123
  Tel. 084 -2616667
   Line :pukdee 0842616667  

<< คลิ๊กสมัครที่นี่ครับ  > https://www.pageqq.com/en/register.html?sponsor=THQ065123<  >>






วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

Passive Income คืออะไร






Passive Income คืออะไร?


Passive Income คืออะไร? ทำไม? หลายๆ คนถึงอยากได้ เรามาทำความเข้าใจกัน

เมื่อหลายเดือนก่อนผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท” ของ โรเบิร์ต คิโยซากิ หนังสือที่ขายดีติดอันดับโลก ซึ่งนำเสนอรูปแบบรายได้ของงานสี่ประเภท และได้นำเสนอทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่อยากจะรวย การเป็นลูกจ้างทำจนตาย ยังไงก็ไม่รวย คนที่รวยเลือกเป็นเจ้าของธุรกิจ-เจ้าของเค­รือข่ายผู้บริโภค สิ่งหนึ่งที่ โรเบิร์ต คิโยซากิ เขียนถึง คือ Active Income กับ Passive Income และธุรกิจแบบเครือข่ายผู้บริโภค ตอนแรกผมก็ยังงง ๆ ว่ามันคืออะไร
ผ่านไปหลังจากนั้น 1 เดือนถัดมา ผมได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่ได้ข้อมูลมาจากเพื่อนวิศวกรของผม และพี่สาวของเพื่อนที่เป็นเภสัชกร ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมหนึ่งเดียวของโลก ต่อยอดจากผลงานรางวัลโนเบล และจดเอกสิทธิ์เฉพาะ จำหน่ายแบบเครือข่ายผู้บริโภค เป็นบริษัทของอเมริกา ซึ่งมีองค์ประกอบที่ดีทั้ง 3 คือ สินค้าดีไม่มีคู่แข่ง ระบบดีพัฒนาแล้ว แผนการจ่ายพัฒนาจากหลายบริษัทจากธุรกิจประเภทนี้แล้ว ด้วยความที่ไม่เคยทำ และไม่เคยรู้รายละเอียดของธุรกิจประเภทนี้ ผมจึงตั้งใจหาข้อมูลอย่างจริงจัง เพราะผมเชื่อในคำว่า “นวัตกรรม” โดยมีคำๆ หนึ่ง ที่ผมมักจะได้ยินบ่อยในข้อมูลที่ผมศึกษา และเป็นพระเอกในธุรกิจประเภทนี้คือ Passive Income ซึ่งมันตรงกับหนังสือที่ผมเคยอ่าน หลังจากที่ได้ศึกษาจากการอ่านหนังสือ ดูคลิป และรับการถ่ายทอดข้อมูลและความหมายของ Passive Income มาแล้วจากผู้มีประสบการณ์ตรง ผมก็รู้สึกว่ามีประโยชน์มาก และคงมีใครอีกหลายๆ คน คงยังไม่เข้าใจ และอยากรู้ว่ามันคืออะไร วันนี้ผมจึงอยากจะขอยกเรื่อง Passive Income มาให้ได้อ่านกันครับ

เริ่มต้นด้วยคำว่า Passive Income นั้นมันหมายความว่าอะไร?

ถ้าแปลตรงๆ ตัว Passive Income ก็คงแปลได้ว่า “รายได้เชิงรับ” อะไรหล่ะที่นี้ ยิ่งแปลเป็นไทยยิ่ง งง !!! กันเข้าไปใหญ่เลย
ต้องแปลภาษาไทย เป็น ภาษาไทยอีกสักรอบว่า รายได้เชิงรับ ก็คือ “รายได้ที่ไม่ได้มาจากการที่เราออกแรงทำงานโดยตรง” จินตนาการง่ายๆ ว่า “ในวันใดที่เราไม่ได้ทำงานแล้ว แต่ยังมีเงินไหลเข้ากระเป๋าเราอยู่อย่างสม่ำเสมอ” ซึ่งรายได้ดังกล่าวไม่ใช่มาจากการฉ้อโกง หรือเอาเปรียบใคร แต่มาจากระบบงานที่เราทำไว้ก่อนหน้าแล้ว ไอ้เงินก้อนที่ว่านั้นแหละครับที่เราถือว่าเป็น Passive Income หรือ “รายได้เชิงรับ” แม้เราไม่มีชีวิตอยู่ รายได้ก็ยังคงอยู่ตลอดไป
คำถามวัดความเข้าใจ : เงินเดือนของข้าราชการ เงินเดือนพนักงานบริษัทฯ อย่างผม หรือคนส่วนมาก เป็น Passive Income หรือไม่?
คำตอบ คือ “ไม่ใช่” และ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะเงินเดือนเหล่านั้นเกิดจากการทำงานในแต่ละเดือนเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนมา ดังนั้นเงินเดือนจึงเป็น Active Income (รายได้เชิงรุก) ง่ายๆ คือ ต้องทำงานถึงจะได้ ซึ่งเมื่อใดที่เราหยุดทำงาน หน่วยงานราชการหรือบริษัทที่เป็นนายจ้างก็ย่อมหยุดจ่ายเงินเดือนไปโดยปริยาย รายได้ของเราก็จะหดหายไปทันที ถ้าเราป่วย เราตาย รายได้นั้นก็จะตายตามเราไปด้วย ลูกหลานเราก็ไม่ได้อะไร หรือเต็มที่ก็เงินก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่ง
สรุปแบบง่ายๆ ความแตกต่างระหว่าง Active Income (คนส่วนใหญ่) กับ Passive Income (คนส่วนน้อย) คือ
ACTIVE INCOME = คุณ ทำงานเพื่อ เงิน (You work for money.)
PASSIVE INCOME = เงิน ทำงานเพื่อ คุณ (Money working for you.)
พอเราเข้าใจคุณสมบัติของ Passive Income และเห็นภาพคร่าวๆ แล้วก็ลองมาดูกันว่า ข้อดีของมันมีอะไรบ้าง?
  1. สร้างอิสรภาพ — ข้อนี้ชัดเจนมาก เพราะเมื่อวันใดที่เรามีรายได้เชิงรับ หรือ Passive Income มากกว่ารายจ่ายในแต่ละวัน เมื่อนั้นเราก็บอกลางานประจำได้เลย เราจะมีเวลามากกว่าคนอื่นทันทีอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน แถมไม่ต้องตอกบัตรเช็คชื่อเข้าทำงานอีกด้วย
  2. เป็นแหล่งรายได้ใหม่ — ชีวิตเราเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ถึงแม้เราจะมีความสุขกับงานที่ทำอยู่ แต่ถ้าวันใดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ถูกไล่ออก หรือ ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ แต่ถ้าเรามีแหล่งรายได้จาก Passive Income อยู่ ครอบครัวเราก็จะไม่เดือดร้อน
  3. เป็นแหล่งรายได้ที่ต่อเนื่อง — ไม่ว่าคุณจะรักงานประจำที่คุณทำขนาดไหน ซักวันหนึ่งคุณก็คงต้องหยุดทำ อาจเนื่องด้วยสาเหตุทางด้านอายุ และสุขภาพ เงินรายได้จากการทำงานก็จะต้องหดหายไปในที่สุด แต่ถ้าเรามี Passive Income คอยรองรับอยู่ เงินรายได้ตรงนี้จะยังคงไหลเข้าสู่กระเป๋าของคุณอย่างต่อเนื่อง แถมยังตกทอดเป็นมรดกให้คนใกล้ชิดได้อีกต่างหาก (เราไม่สามารถยกตำแหน่งงานในฐานะลูกจ้างให้ลูกหลานเราได้ ถูกต้องไหมครับ)
  4. เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลาน — อย่างที่อธิบายไว้ด้านบน เมื่อเราวางระบบไว้ดีแล้ว แม้ว่าเราจะไม่อยู่ หรือตายไป รายได้ดังกล่าวยังคงอยู่ และส่งต่อให้กับลูกหลานของเราได้ตลอดไป
Passive Incomeตัวอย่าง Passive Income เช่น
  • ค่าเช่า หอพัก ตึก ที่ดิน ฯลฯ
  • ปล่อยเงินกู้ ทั้งถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย
  • ค่าลิขสิทธิ์ จากสิ่งที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา หรือ จากการจดลิขสิทธิ์ หรือ เอกสิทธิ์เฉพาะ
  • Network Marketing รายได้จากการการตลาดแบบ “เครือข่ายผู้บริโภค”และอื่นๆ อีก ถ้าคุณอยากรู้ อยากลองศึกษา เปิดใจ และมีความตั้งใจที่จะสร้างอิสรภาพให้กับตัวเอง ปลดแอกจากคำว่า ” มนุษย์เงินอยู่ไปเดือนๆ ” ดูคลิปของ โรเบิร์ต แล้วติดต่อผม

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

45 เทคนิค โปรโมทแฟนเพจร้านค้าให้ดังสุดๆ







45 เทคนิค โปรโมทแฟนเพจร้านค้าให้ดังสุดๆ

https://plus.google.com/u/0/communities/105026688884691998403

รวบรวม 45 เทคนิค และ วิธีการ โปรโมทแฟนเพจ / Fanpage ให้ดังสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการ โปรโมท แฟนเพจ ร้านขายเสื้อผ้า, ร้านขายเครื่องสำอางค์ และ อื่นๆ ที่ใช้ แฟนเพจ เป็นช่องทางหนึ่งในการติดต่อสื่อสาร หรือ เปิดรับลูกค้ารายใหม่ จาก Social Media

สำหรับท่านผู้อ่านทุกท่าน ไม่ว่าจะเปิด แฟนเพนขายเสื้อผ้า, Fanpage ขายเครื่องสำอางค์ หรือ ร้านค้าที่ใช้หน้า Fanpage เป็นการ PR หรือ ประชาสัมพันธ์ สินค้า ก็ตาม Fanpage ก็คือแฟนเพจ หลักการในการจัดการคล้ายกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหยิบฟังชั่น หรือ วิธีการไหนในการ โปรโมทแฟนเพจ...
ทางเราได้รวบรวมข้อมูล การจัดการแฟนเพจ จากการสังเกตุ จดจำ และ ข้อมูลดีๆ จากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือ ข้อมูลใน Internet เพื่อรวบรวม และ จัดทำ Check List ในการจัดการแฟนเพจ ดังนี้
1. ข้อนี้สำคัญมากๆ ครับ ลบข้ออื่นทิ้งหมดถ้ามีข้อนี้ยังไงก็อยู่ได้...ต้องมีข้อนี้ ไม่มีไม่ได้ คือ " ความตั้งใจ "
สร้างแฟนเพจ
2. สร้างแฟนเพจ ไม่เป็น เริ่มต้นง่ายๆ ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/business/learn/set-up-facebook-page
3. ชื่อร้านมีผลกับการติดอันดับ บน Google / SEO แต่ ชื่อร้านไม่สามารถแก้ไขได้ หลากมี Like จำนวนมากๆ และ ชื่อร้านมีผลกับการ Branding ให้คนจดจำในอนาคต หลายครั้งที่ Fanpage ขึ้นอันดับเพราะชื่อแต่ Fanpage ไม่มีคุณภาพ วิธีการนี้อาจใช้ไม่ได้ตลอดไป / ไม่ยั่งยืนครับ
วิธีย่อ Link
4. ย่อ Link / URL ให้สั้น จำได้ง่าย สามารถเข้าย่อ Like ได้ที่ http://facebook.com/username สามารถตั้งค่าชื่อ URL / เปลี่ยน URL ได้ตั้งแต่ตอนสร้าง Fanpage หรือ มี Like มากกว่า 25 Like
5. เลือก Type ของ Fanpage ให้เหมาะสม & ใส่รายละเอียดแฟนเพจให้ครบถ้วน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้
6. อย่า Spam Post https://www.facebook.com_contentตาม Fanpage ต่างๆ ระวังจะโดนแบน เค้าไม่ให้คุณ Post โฆษณาร้านฟรีๆ หลอก เพราะร้านส่วนใหญ่ ที่อยู่ได้ เสียเงินโปรโมททั้งนั้น ไม่ว่ามากหรือน้อย ลบได้ก็ลบ Ban ได้ก็ Ban Report ได้ก็ Report ไม่มีธุรกิจไหนอยู่ได้ จากการสร้างความรำคาญ ซึ่งสินค้าอาจจะดีแต่คนมองไม่ดี ปิดใจไปแล้ว คงขายได้ยาก โปรดระวัง Spam facebook ที่แจ้งว่าให้ Veriy ห้าม Click นะครับ!https://www.facebook.com
7. เพิ่มความหน้าเชื่อถือของร้านด้วย รูปร่างหน้าตาของ   Fanpage    ร้านสวยดูดี    ใครๆก็อยากซื้อตัวอย่าง      หน้าตาแฟนเพจ : https://www.google.co.th
8. ขยันเข้ามาตอบคำถาม Comment / Post เพราะคู่แข่งเยอะมากกกกกก ลูกค้าเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ แค่คลิก !!https://www.facebook.com
9. สามารถอัดรูปสินค้าลงในอัลบัมได้ในครั้งเดียวได้ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาเลือกดู เลือกชม เลือกซื้อ
10. ทุกๆ ครั้งที่ Post มีคนเห็นเพียง 10% ของจำนวน Like หมายความว่ามีอีก 90% ยังไม่เห็นในสิ่งที่เรา Post ดังนั้นเราควร Repost หรือ Post ซ้ำที่ Time Line เป็นระยะๆ ห่างกันอย่างน้อย 30 นาที - 1 ชั่วโมง แต่เอาให้เนียนนะครับ เดี๊ยว 10% ที่เห็นแล้วเค้าจะรำคาญเอานะครับ
11. Post ให้เหมาะสมอย่า Post บ่อยจนเกินไป หรือ น้อยจนเกินไป ซึ่งโดยทั่วไป 3-5 ครั้ง / วัน
12. เลือกช่วงเวลาที่ Post ให้เหมาะสม มีผลกับการเข้าถึงกลุ่มคน หรือ Fanpage ของเรา ควรเลือก Post ช่วงเวลาหลังเที่ยง เป็นต้นไป เน้นช่วง 2-3 ทุ่ม คนจะเล่นเยอะที่สุดครับ ข้อมูลนี้เป็นเพียงการเปลี่ยบเทียบหลายๆ State จากประสบการณ์ของผู้เขียน แต่ละร้าน ช่วงเวลา Peak ไม่เหมือนกัน 100% แต่มีลักษณะของกราฟช่วงเวลาคล้ายกัน
ตั้งเวลา Post
13. ตั้งเวลา Post เลือกช่วงเวลาได้เอง กันลืม Post เหมือนมีผู้ช่วยนับ 10 Plan Post ยาวๆ ที่เหลือรอ Feedback ช่วยทำให้เรา มีเวลามากขึ้น ทำตามได้ที่ : https://www.facebook.com/notes
14. แต่ละ Post แต่ละรูปควรใส่ข้อมูลให้ครบ โดยเฉพาะวิธีการ Contact ตัวอย่างเช่น คำอธิบาย / คำโฆษณาชวนเชื่อ, ขนาดเสื้อ, ราคา, ข้อมูลติดต่อผู้ขาย (Tel / Email / Line) และ วิธีการสั่งซื้อ
15. อย่ามองข้าม Line ทำให้การติดต่อง่ายขึ้น...ได้ลูกค้าจาก Line เยอะมากกกกกก
16. ปิดท้ายทุก Post ด้วย Link Message :ดูวิธีการท http://faceblog.in.th
17. ถ้าคุณเปิดร้านใหม่ อย่า Post น้อย Post เยอะๆ เข้าไว้ อย่าทำให้เค้ารู้ว่าเราเปิดใหม่ มีผลกับความน่าเชื่อถือครับ
18. ถ้า Like ยังน้อยมาก / เพิ่งเปิดใหม่ ให้ Plan โปรโมทร้านด้วย Facebook Ads เยอะหน่อย เพื่อให้ได้ Like เร็วที่สุด แล้วค่อย ลด Budget ลงมาให้ลักษณะที่สามารถอยู่ได้ หรือ คุ้มทุนนั่นเอง + ระยะเริ่มต้นคงเป็นช่วง 3 เดือนแรก ถ้าอยู่ได้ ต่อไปคงไม่น่ามีอะไรยาก สู้ๆ https://www.facebook.com/
19. ไม่แนะนำบริการปั่น Like / บริการ Like ราคาถูก เพราะ Feedback ดีสู้ Facebook Ads ไม่ได้ ปัญหาที่เกิดจากการปั่น Like อาจมีตามมา อาทิ ได้ Like ผิดเพศ ขายเครื่องสำอางค์ / เสื้อผ้าผู้หญิง เอา Like ผู้ชายมาทำไมคร๊าบ!!! , Like ลดลง อย่างรวดเร็ว หรือ ถ้าอาการหนักหน่อย Fanpage ถูกแบน T T ถ้าห้ามไม่ได้จริงๆ แนะนำซื้อซัก 3,000 - 5,000 Like ก็พอ เพื่อสร้าง Credit แต่เลือกเพศหน่อยก็ดีนะครับ
20. ใช้ โฆษณา Facebook Ads ปล่อย Ads ตาม Target กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเพิ่ม Like จริง Like คุณภาพ Like จาก Banner ด้านขวามือ ชอบไม่ชอบ Like ไม่ Like ขึ้นอยู่กับลูกค้ารายนั้นๆ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นจะติดตามคุณ เชียร์คุณ Share Post คุณ Comment ถามคุณ และ สั่งซื้อจากสินค้าจากคุณ 
21. ใช้ Boot Post / Promote Post / http://faceblog.in.thส่งเสริมโพสต์ ในกรณีที่มี Like (จริง) บ้างแล้ว และ เป็น Post ที่สามารถปิดการขายได้ หรือ มีความสำคัญมากๆ ราคาเริ่มต้นเพียง 160 บาท / เลือกราคาได้ ระบบนี้จะใช้สำหรับโฆษณา Post นั้นๆ กับ แฟนเพจที่มีอยู่, เพื่อนของ Fanpage หากใช้บริการ Facebook Ads ของเรา ค่าบริการ Boot Post ฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ลูกค้าต้องรับผิดชอบเรื่องค่าโฆษณาในแต่ละครั้งเองนะครับ
22. Post เรื่องอื่นบ้าง Content is The King อย่า Post แต่สินค้า ลูกค้าจะเบื่อเอา Post เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือ ไม่ เกี่ยวข้อง แต่ เป็นเรื่องราวที่ทุกๆ คนชอบ ตามกระแสข่าว ตามกระแสเทศกาลต่างๆ เรื่องราวเตือนภัย ทำบุญ ขำขัน SEX...Y อันหลังสุดแล้วแต่ดุลยพินิช และ ชนิดของสินค้านะครับ อิอิ
23. นางแบบสวยช่วยได้ หลายครั้งที่ร้านค้ามักมีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สวย / น่ารักให้ช่วย Review สินค้าให้หน่อย หรือ ให้ลูกค้าที่ใช้สินค้าถ่ายรูปคู่กับสินค้าแล้ว Post / ส่งรูปเข้ามา ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นhttp://pakdee277.blogspot.com/2016/12/blog-post_28.html

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

SEO (Search Engine Optimization) คือ?

SEO (Search Engine Optimization) คือ?

"SEO" หรือ "Search Engine Optimization" คือ วิธีการปรับแต่งเว็บไซต์ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงเนื้อหาและการเพิ่มลิงค์ที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอยู่ในอันดับต้นๆ บน Search Result Page หรือหน้าแสดงผลการค้นหาของ Search Engine อาทิ Google, Yahoo!, Bing เป็นต้น  https://plus.google.com/u/0/communities/105026688884691998403
ตัวอย่างหน้าผลการค้นหาของ Google.co.th โดย Keyword คำว่า "ทัวร์ญี่ปุ่น"
ในส่วนของกรอบสีแดงคือส่วนของ Organic Search หรือ Natural Search ในส่วนนี้ข้อมูลหน้าเว็บไซต์ทั้งหมดที่ทางระบบของ Search Engine อาทิ Google หรือ Yahoo! รวบรวมมาโดยใช้คะแนนในการจัดอันดับ การให้คะแนนนั้นก็ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ที่แต่ละ Search Engine ได้กำหนดขึ้น จึงเรียกวิธีที่การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอยู่ในอันดับต้นๆ บนหน้าผลการค้นหานี้ว่า "SEO" หรือ "Search Engine Optimization"
ระบบการจัดอันดับการแสดงผลใน Search Result Page (หน้าแสดงผลการค้นหา) มีชื่อเรียกว่า Algorithm (อัลกอริทึม) แต่ละ Search Engine จะมีระบบ Algorithm ที่แตกต่างกันและจะมีการอัพเดตอยู่เสมอๆ เราจึงจำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตาม Algorithm เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำอันดับได้ดีมากที่สุด
เราสามารถสรุป Algorithm (อัลกอริทึม) ที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ได้เป็น 2 ปัจจัย คือ
1. ปัจจัยภายใน (On-page / Micro) เช่น โครงสร้างของเว็บไซต์ ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ จำนวนหน้าภายใน
เว็บไซต์ คุณภาพและปริมาณของเนื้อหา การเลือกใช้คำ (Keyword) และการวางประโยคในส่วนต่างๆ
2. ปัจจัยภายนอก (Off-page / Macro) เช่น ปริมาณลิงค์จากเว็บไซต์อื่น (Backlinks) รวมทั้งเนื้อหาและคุณภาพของลิงค์จากเว็บไซต์อื่นที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของเรา
โดยส่วนมากแล้ว วิธีการสำหรับการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด ประกอบด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้
  • การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ Search Engine และผู้ใช้ เช่น การเลือกใช้โครงสร้างเมนูและ URL ที่ Search Engine สามารถอ่านได้ง่าย การทำหน้าเว็บไซต์ให้โหลดได้รวดเร็ว เป็นต้น
  • การใส่ Keyword เป้าหมายอย่างพอเหมาะในส่วนที่ส่วนที่มีความสำคัญต่างๆ ภายในเว็บไซต์ เช่น Title Tag, Meta Description, H1 tag, H2 tag, เนื้อหาส่วนที่เป็น Plain Text ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Keyword ซ้ำๆ กันเป็นจำนวนมากเพื่อไม่ให้เป็น Keyword Spam หรือ Keyword Stuffin
  • การเพิ่มเติมเนื้อหาที่มีคุณภาพในหน้าที่ทำ SEO และสร้างหน้าเว็บใหม่ๆ ขึ้นมา โดยเนื้อหาต้องเขียนขึ้นเอง ไม่ก็อปปี้มาจากที่อื่น ให้ข้อมูลที่เจาะลึกและมีประโยชน์เพื่อให้เป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพมากที่สุดในสายตาของ Search Engine
  • การอัพเดตให้เว็บไซต์ให้มีความสดใหม่สม่ำเสมอ อาจทำได้โดยการเพิ่มบทความ ข่าวสาร โปรโมชั่น หรือผลงาน เป็นต้น
  • การเพิ่ม Backlinks จากเว็บไซต์อื่นที่มีความน่าเชื่อถือและมีเนื้อหาหรือบริบทเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือ Keyword ของเรา
    อย่างค่อยเป็นค่อยไป ควรทยอยเพิ่มไปเรื่อยๆ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ ป้องกันการโดนแบนจาก Search Engine
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก Google
หลังจากเริ่มทำ SEO ไปได้สักระยะหนึ่ง จะเริ่มเห็นการพัฒนาของอันดับไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาและคุณภาพของเว็บไซต์ของเรา รวมทั้งการแข่งขันใน Keyword นั้นๆ และคุณภาพเว็บไซต์ของคู่แข่ง โดยทั่วไปแล้วอันดับจะไต่ขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากอันดับของเว็บไซต์ยังไม่ดีขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ จำเป็นต้องเพิ่มเนื้อหาภายในเว็บไซต์กับเพิ่มจำนวน Backlinks ที่มีคุณภาพให้มากยิ่งขึ้น และเมื่อเว็บไซต์ติดในหน้าแรกของผลการค้นหาแล้ว ก็ยังจำเป็นต้องอัพเดตเว็บไซต์ เพิ่มเติมเนื้อหา และเพิ่ม Backlinks อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาอันดับเอาไว้

อ้างอิง : seo-web.-aun-thai.co.th

ติวสอบบรรจุราชการทุกหลักสูตร
จำหน่ายหนังสือเตรียมสอบครูผู้ช่วย ราคาพิเศษ

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

PPC (Pay Per Click) คือ?

PPC (Pay Per Click) คือ?

"PPC" หรือ "Pay Per Click" คือ การลงโฆษณาบน Search Result Page หรือหน้าแสดงผลการค้นหาของ Search Engine อาทิ Google, Yahoo!, Baidu เป็นต้น  https://plus.google.com/u/0/communities/105026688884691998403

ตัวอย่างหน้าผลการค้นหาของ Google.co.th โดย Keyword คำว่า "ทัวร์ญี่ปุ่น"
ในส่วนสีน้ำเงินคือส่วนของโฆษณาที่จะต้องเสียเงินเมื่อมีการคลิ๊กเกิดขึ้น ที่ไทยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ PPC (Pay Per Click) ส่วนที่ญี่ปุ่นจะเรียกว่า P4P (Pay for Performance หรือ Pay for Placement) หรือ Listing Advertising
PPC เป็นรูปแบบการโฆษณาบน Search Result Page หรือหน้าแสดงผลการค้นหาซึ่งเราต้องประมูล Keyword เพื่อที่จะให้โฆษณาของเราไปปรากฎอยู่เมื่อมีการค้นหาใน Search Engine ตำแหน่งของโฆษณานั้นจะถูกกำหนดโดยค่าประมูลที่เรียกว่า
ค่า CPC (Cost Per Click) ซึ่งก็คือราคาที่เรากำหนดไว้ว่าหากมีคนคลิ๊กเข้าไปดูเว็บไซต์ของเราผ่านทางตัวโฆษณา เราจะต้อง
จ่ายเงินให้กับ Search Engine ครั้งละเท่าไหร่
ระบบโฆษณาแบบ PPC ที่เป็นที่นิยมทั่วโลก ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการสองแบรนด์หลักใหญ่ๆ คือ
1. Google หรือชื่อทางการค้าคือ AdWords
2. Yahoo! หรือชื่อทางการค้าคือ Sponsored Search

การลงโฆษณาแบบ PPC มีอยู่หลายขั้นตอนด้วยกัน โดยหลักๆ จะประกอบด้วย
1. การเปิด Account กับผู้ให้บริการและการตั้งค่าต่างๆ
2. การเลือก Keyword ที่จะให้โฆษณาแสดงเวลาค้นหา
3. การจัดแยก Campaign และ Ad Group ให้สอดคล้องกับ Keyword และเป้าหมาย
4. การคิดข้อความโฆษณาและเลือก URL ที่จะเป็น Landing Page ในแต่ละ Ad Group
5. การตั้งค่าในการแสดงโฆษณาและการกำหนดงบประมาณ
6. การบริหารและดูแลจัดการโฆษณา
7. การวิเคราะห์ประสิทธิภาพและปรับเปลี่ยนโฆษณา

การทำการตลาดผ่าน PPC เหมาะสำหรับ?

1. ต้องการทำโปรโมชั่นในระยะสั้นหรือชั่วระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
สามารถเลือกหรือเปลี่ยนแปลง Keyword และข้อความโฆษณาให้เหมาะกับเทรนด์ในช่วงเวลานั้นๆ ได้ตามต้องการ และยังสามารถเลือกให้แสดงหรือหยุดโฆษณาได้ทุกเมื่อ
2. ต้องการโปรโมทธุรกิจและสามารถเห็นผลได้ภายในระยะเวลาอันสั้นหรือการเปิดตัวสินค้าใหม่
สามารถแสดงโฆษณาบน Search Engine ได้ในเวลาไม่กี่นาที ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาปรับปรุงเว็บไซต์และต้องรอเวลาในการไต่อันดับเหมือนกับการทำ SEO
3. ต้องการโปรโมทธุรกิจด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพแต่มีงบประมาณที่จำกัด
การทำ PPC ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะมีคนเปิดเข้าไปดูเว็บไซต์และช่วยเพิ่มยอดขายได้ นอกจากนั้นยังสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะแบ่งโดยภาษาหรือพื้นที่ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะมาจากการคลิ๊กในแต่ละครั้งเท่านั้น และเรายังสามารถกำหนด
งบประมาณที่จะใช้ในการโฆษณาได้อีกด้วย
4. ต้องการเพิ่มช่องทางในการโปรโมทสินค้าหรือบริการ
ตำแหน่งของ PPC เป็นส่วนที่สะดุดตาบน Search Result Page จึงมีโอกาสที่ผู้ใช้จะมองเห็นเว็บไซต์ของเราได้ง่าย นอกจากนั้น แม้ว่าจะไม่มีการคลิ๊กเข้าไปดู แต่ชื่อของเว็บไซต์และเนื้อหาที่ต้องการเน้นก็สามารถปรากฎให้ผู้ใช้เห็นได้ ซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเพราะไม่มีการคลิ๊กเกิดขึ้น
5. ต้องการให้เว็บไซต์อยู่ในหน้าแรกหรืออันดับต้นๆ บน Search Result Page
หากมี Keyword ที่ต้องการให้เสิร์ชหรือให้ค้นหาเจอ หรือเป็น Keyword ที่ได้ทำ SEO แล้ว แต่เว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ไม่ดีนัก
ก็สามารถลงโฆษณาแบบ PPC เพื่อให้เว็บไซต์ปรากฎอยู่ในหน้าแรกได้เช่นกัน
อ้างอิง : seo-web.-aun-thai.co.th

ติวสอบบรรจุราชการทุกหลักสูตร
จำหน่ายหนังสือเตรียมสอบครูผู้ช่วย ราคาพิเศษ