Passive Income คืออะไร?
Passive Income คืออะไร? ทำไม? หลายๆ คนถึงอยากได้ เรามาทำความเข้าใจกัน
เมื่อหลายเดือนก่อนผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท” ของ โรเบิร์ต คิโยซากิ หนังสือที่ขายดีติดอันดับโลก ซึ่งนำเสนอรูปแบบรายได้ของงานสี่ประเภท และได้นำเสนอทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่อยากจะรวย การเป็นลูกจ้างทำจนตาย ยังไงก็ไม่รวย คนที่รวยเลือกเป็นเจ้าของธุรกิจ-เจ้าของเครือข่ายผู้บริโภค สิ่งหนึ่งที่ โรเบิร์ต คิโยซากิ เขียนถึง คือ Active Income กับ Passive Income และธุรกิจแบบเครือข่ายผู้บริโภค ตอนแรกผมก็ยังงง ๆ ว่ามันคืออะไร
ผ่านไปหลังจากนั้น 1 เดือนถัดมา ผมได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่ได้ข้อมูลมาจากเพื่อนวิศวกรของผม และพี่สาวของเพื่อนที่เป็นเภสัชกร ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมหนึ่งเดียวของโลก ต่อยอดจากผลงานรางวัลโนเบล และจดเอกสิทธิ์เฉพาะ จำหน่ายแบบเครือข่ายผู้บริโภค เป็นบริษัทของอเมริกา ซึ่งมีองค์ประกอบที่ดีทั้ง 3 คือ สินค้าดีไม่มีคู่แข่ง ระบบดีพัฒนาแล้ว แผนการจ่ายพัฒนาจากหลายบริษัทจากธุรกิจประเภทนี้แล้ว ด้วยความที่ไม่เคยทำ และไม่เคยรู้รายละเอียดของธุรกิจประเภทนี้ ผมจึงตั้งใจหาข้อมูลอย่างจริงจัง เพราะผมเชื่อในคำว่า “นวัตกรรม” โดยมีคำๆ หนึ่ง ที่ผมมักจะได้ยินบ่อยในข้อมูลที่ผมศึกษา และเป็นพระเอกในธุรกิจประเภทนี้คือ Passive Income ซึ่งมันตรงกับหนังสือที่ผมเคยอ่าน หลังจากที่ได้ศึกษาจากการอ่านหนังสือ ดูคลิป และรับการถ่ายทอดข้อมูลและความหมายของ Passive Income มาแล้วจากผู้มีประสบการณ์ตรง ผมก็รู้สึกว่ามีประโยชน์มาก และคงมีใครอีกหลายๆ คน คงยังไม่เข้าใจ และอยากรู้ว่ามันคืออะไร วันนี้ผมจึงอยากจะขอยกเรื่อง Passive Income มาให้ได้อ่านกันครับ
เริ่มต้นด้วยคำว่า Passive Income นั้นมันหมายความว่าอะไร?
ถ้าแปลตรงๆ ตัว Passive Income ก็คงแปลได้ว่า “รายได้เชิงรับ” อะไรหล่ะที่นี้ ยิ่งแปลเป็นไทยยิ่ง งง !!! กันเข้าไปใหญ่เลย
ต้องแปลภาษาไทย เป็น ภาษาไทยอีกสักรอบว่า รายได้เชิงรับ ก็คือ “รายได้ที่ไม่ได้มาจากการที่เราออกแรงทำงานโดยตรง” จินตนาการง่ายๆ ว่า “ในวันใดที่เราไม่ได้ทำงานแล้ว แต่ยังมีเงินไหลเข้ากระเป๋าเราอยู่อย่างสม่ำเสมอ” ซึ่งรายได้ดังกล่าวไม่ใช่มาจากการฉ้อโกง หรือเอาเปรียบใคร แต่มาจากระบบงานที่เราทำไว้ก่อนหน้าแล้ว ไอ้เงินก้อนที่ว่านั้นแหละครับที่เราถือว่าเป็น Passive Income หรือ “รายได้เชิงรับ” แม้เราไม่มีชีวิตอยู่ รายได้ก็ยังคงอยู่ตลอดไป
คำถามวัดความเข้าใจ : เงินเดือนของข้าราชการ เงินเดือนพนักงานบริษัทฯ อย่างผม หรือคนส่วนมาก เป็น Passive Income หรือไม่?
คำตอบ คือ “ไม่ใช่” และ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะเงินเดือนเหล่านั้นเกิดจากการทำงานในแต่ละเดือนเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนมา ดังนั้นเงินเดือนจึงเป็น Active Income (รายได้เชิงรุก) ง่ายๆ คือ ต้องทำงานถึงจะได้ ซึ่งเมื่อใดที่เราหยุดทำงาน หน่วยงานราชการหรือบริษัทที่เป็นนายจ้างก็ย่อมหยุดจ่ายเงินเดือนไปโดยปริยาย รายได้ของเราก็จะหดหายไปทันที ถ้าเราป่วย เราตาย รายได้นั้นก็จะตายตามเราไปด้วย ลูกหลานเราก็ไม่ได้อะไร หรือเต็มที่ก็เงินก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่ง
สรุปแบบง่ายๆ ความแตกต่างระหว่าง Active Income (คนส่วนใหญ่) กับ Passive Income (คนส่วนน้อย) คือ
ACTIVE INCOME = คุณ ทำงานเพื่อ เงิน (You work for money.)
PASSIVE INCOME = เงิน ทำงานเพื่อ คุณ (Money working for you.)
ACTIVE INCOME = คุณ ทำงานเพื่อ เงิน (You work for money.)
PASSIVE INCOME = เงิน ทำงานเพื่อ คุณ (Money working for you.)
พอเราเข้าใจคุณสมบัติของ Passive Income และเห็นภาพคร่าวๆ แล้วก็ลองมาดูกันว่า ข้อดีของมันมีอะไรบ้าง?
- สร้างอิสรภาพ — ข้อนี้ชัดเจนมาก เพราะเมื่อวันใดที่เรามีรายได้เชิงรับ หรือ Passive Income มากกว่ารายจ่ายในแต่ละวัน เมื่อนั้นเราก็บอกลางานประจำได้เลย เราจะมีเวลามากกว่าคนอื่นทันทีอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน แถมไม่ต้องตอกบัตรเช็คชื่อเข้าทำงานอีกด้วย
- เป็นแหล่งรายได้ใหม่ — ชีวิตเราเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ถึงแม้เราจะมีความสุขกับงานที่ทำอยู่ แต่ถ้าวันใดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ถูกไล่ออก หรือ ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ แต่ถ้าเรามีแหล่งรายได้จาก Passive Income อยู่ ครอบครัวเราก็จะไม่เดือดร้อน
- เป็นแหล่งรายได้ที่ต่อเนื่อง — ไม่ว่าคุณจะรักงานประจำที่คุณทำขนาดไหน ซักวันหนึ่งคุณก็คงต้องหยุดทำ อาจเนื่องด้วยสาเหตุทางด้านอายุ และสุขภาพ เงินรายได้จากการทำงานก็จะต้องหดหายไปในที่สุด แต่ถ้าเรามี Passive Income คอยรองรับอยู่ เงินรายได้ตรงนี้จะยังคงไหลเข้าสู่กระเป๋าของคุณอย่างต่อเนื่อง แถมยังตกทอดเป็นมรดกให้คนใกล้ชิดได้อีกต่างหาก (เราไม่สามารถยกตำแหน่งงานในฐานะลูกจ้างให้ลูกหลานเราได้ ถูกต้องไหมครับ)
- เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลาน — อย่างที่อธิบายไว้ด้านบน เมื่อเราวางระบบไว้ดีแล้ว แม้ว่าเราจะไม่อยู่ หรือตายไป รายได้ดังกล่าวยังคงอยู่ และส่งต่อให้กับลูกหลานของเราได้ตลอดไป
ตัวอย่าง Passive Income เช่น
- ค่าเช่า หอพัก ตึก ที่ดิน ฯลฯ
- ปล่อยเงินกู้ ทั้งถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย
- ค่าลิขสิทธิ์ จากสิ่งที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา หรือ จากการจดลิขสิทธิ์ หรือ เอกสิทธิ์เฉพาะ
- Network Marketing รายได้จากการการตลาดแบบ “เครือข่ายผู้บริโภค”และอื่นๆ อีก ถ้าคุณอยากรู้ อยากลองศึกษา เปิดใจ และมีความตั้งใจที่จะสร้างอิสรภาพให้กับตัวเอง ปลดแอกจากคำว่า ” มนุษย์เงินอยู่ไปเดือนๆ ” ดูคลิปของ โรเบิร์ต แล้วติดต่อผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น