วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เปิดตำนานไอ้ไข่วัดเจดีย์ ด้านโชคลาภและการค้าขาย

 

รู้จัก วัดเจดีย์ หรือ วัดไอ้ไข่ 

 

     วัดเจดีย์ หรือรู้จักกันในชื่อของ วัดไอ้ไข่ ตั้งอยู่ที่ ตำบลฉลอง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อก่อนนั้นเคยเป็นวัดร้าง ตำนานว่าสร้างมาแล้วมากกว่าพันปี เหลือเพียงเจดีย์โบราณ ที่อยู่ตรงบริเวณโบสถ์ในปัจจุบัน จนเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2500 ก็ได้มีการบูรณะวัดเจดีย์ขึ้นมาใหม่ ทำให้มีพระภิกษุเข้ามาอยู่ประจำวัด และเป็นที่ประดิษฐานของ พ่อท่าน พระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ยังเป็นวัดร้างค่ะ





 

     แต่สิ่งที่ทำให้ วัดนี้เป็นรู้จักกันอย่างมากมายนั้น ก็คือ ไอ้ไข่วัดเจดีย์ หรือ ตาไข่วัดเจดีย์ คือ รูปไม้แกะสลักของเด็กชายอายุประมาณ 10 ขวบ ที่ตั้งอยู่ในศาลาวัดเจดีย์ เชื่อกันว่ามีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สถิตย์อยู่ ทำให้กลายเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตั้งแต่บริเวณใกล้ๆ วัด ไปจนถึงต่างจังหวัดในแถบภาคใต้เลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าใครก็ต่างมาขอพรกัน โดยเฉพาะทางด้านโชคลาภและการค้าขายค่ะ

สอบถามเพิ่มเติม โทร. หรือLine 0842616667

https://www.kaidee.com/member/listing/p-2

https://www.facebook.com/PDSTONESHOP

สร้อยคอ 12 นักษัตร เป็นสิริมงคลเสริมดวงแก้ชง มั่งมีศรีสุข

 คติเรื่อง 12 นักษัตรเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาที่มีมาแต่โบราณกาล เรียกได้ว่าเก่าแก่ระดับดึกดำบรรพ์ กระทั่งการค้นหาที่มาต้นตอการใช้สัตว์เป็นชื่อปี (และมีแนวโน้มที่คตินี้กำลังถูกใช้ในการออกสลากเป็น “ครั้งแรกในโลก” ตามการกล่าวอ้างของคนไทย) นักวิชาการส่วนใหญ่ถึงกับบอกว่า สืบค้นหาหลักฐานยาก แต่ก็ยังพอปะติดปะต่อเค้าโครงบางอย่างพอบอกเล่าความเป็นมาของสัตว์และการใช้สัตว์เป็นชื่อปีจากความเชื่อของคนบางกลุ่มได้บ้าง

ราชบัณฑิตยสภาบรรยายความหมายของคำว่า “นักษัตร” ตรงกับคำอธิบายของสมบัติ พลายน้อย ซึ่งนิยามว่าหมายถึง “ชื่อรอบเวลากำหนด 12 ปี เป็ฯ 1 รอบ เรียกว่า 12 นักษัตร” โดยกำหนดให้สัตว์ 12 ชนิดเป็นเครื่องหมายแต่ละปี เริ่มจากปีชวด มีหนูเป็นเครื่องหมาย ปีฉลู มีวัวเป็นเครื่องหมาย ปีขาล มีเสือเป็นเครื่องหมาย ปีเถาะ มีกระต่ายเป็นเครื่องหมาย ปีมะโรง มีงูใหญ่เป็นเครื่องหมาย ปีมะเส็ง มีงูเล็กเป็นเครื่องหมาย ปีมะเมีย มีม้าเป็นเครื่องหมาย ปีมะแม มีแพะเป็น

ปีชวด  : ชง 50%  

                                                             



เครื่องหมาย ปีวอก มีลิงเป็นเครื่องหมาย ปีระกา มีไก่เป็นเครื่องหมาย ปีจอ มีหมาเป็นเครื่องหมาย ปีกุน มีหมูเป็นเครื่องหมาย

สมบัติ พลายน้อย บรรยายว่า 12 นักษัตรนั้นมีในกลุ่มเอเชียเท่านั้น ประเทศที่ปรากฏความเชื่อนี้โดยมากก็ใกล้ชิดหรือมีความสัมพันธ์กับไทย อาทิ จีน ญวน ญี่ปุ่น เกาหลี กัมพูชา ลาว ทิเบต ไทใหญ่ ซึ่งประการนี้อาจสะท้อนได้ว่า ชนเหล่านี้มีความเป็นมาที่สืบเนื่องมาจากที่เดียวกันก็เป็นได้

คำถามที่สำคัญซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า ไทยรับแนวคิดเรื่อง 12 นักษัตรนี้มาจากไหน หลักฐานของไทยก็ปรากฏในหลายแห่ง เริ่มตั้งแต่ตำนานการตั้งจุลศักราชกล่าวว่า เริ่มต้นใช้จุลศักราช 1 เมื่อเช้าวันอาทิตย์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปีกุนเอกศก ตรงกับพุทธศักราช 1182 เมื่อเห็นว่าเริ่มที่ปีกุน บ่งชี้ว่าปีนักษัตรมีมาก่อนปีจุลศักราช แต่จะเริ่มเมื่อใดนั้นก็ยังไม่สามารถชี้เฉพาะได้อย่างชัดเจน

ศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กล่าวถึง “1214 สกปีมะโรง” สมบัติ พลายน้อย ตีความว่า เมื่อ พ.ศ. 1835 ไทยก็ได้ใช้ปีนักษัตรแล้ว หรืออาจมีใช้กันก่อนหน้านี้แล้วก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน

สอบถามเพิ่มเติม  เบอร์โทร.หรือLine 0842616667

https://www.kaidee.com/member/listing

https://www.facebook.com/PDSTONESHOP  

ปี่เซี๊ยะ (เทพร่ำรวย)

 

ปี่เซี๊ยะ (เทพร่ำรวย)

     ปี่เซี๊ยะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ คำว่า ปี่เซี๊ยะเป็นสำเนียงจีนกลาง ถ้าจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ผี่ชิว” กวางตุ้งเรียก






เพเย้า หรืออาจเรียกในชื่ออื่น ๆ เช่น เถาปก หรือ ฝูปอ นี้เป็นคำเรียกรวม ๆ ของ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลหนึ่งในจดหมายเหตุฮั่นชุในภาคที่ว่าด้วยดินแดนทางประจิมทิศมีข้อความระบุไว้ว่าในแคว้นหลีแถบเขาอูเกอซาน นั้นมีสัตว์ตระกูลนี้ปรากฏอยู่ลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย นั้นคือ เทียนลก เทียนหลู่ ตัวคล้ายกวาง หางยาว มีเขาเดียว คำว่าเทียนลู่นั้นแปลตรงตัวว่า กวางสวรรค์ ครั้นต่อมาคำว่า ปี่เซี๊ยะ หรือ ผี่ชิว กลายเป็นคำที่คนทั่วไปคุ้นเคยกว่าเทียนลู่ แล้วจึงให้เรียกรวมกันไปในทางมายาศาสตร์จีน แต่เดิม ปี่เซี๊ยะเป็นสัตว์มงคลที่มีอนุภาพในทางกำจัดปีศาจ และสิ่งชั่วร้ายรวมทั้งปกป้องจากคุณไสย และมนต์ดำต่าง ๆ กล่าวคือคำว่าปี่ หรือ ผี่ นั้น แปลว่า ปิด เร้นลับหลบซ่อน คำว่า เซี๊ยะ หรือ ชิว คือ อาถรรพณ์ สิ่งไม่ดี คุณไสย ภูติปีศาจ คำว่าปี่เซี๊ยะ หรือ ผี่ชิว จึงแปลได้ว่า ขจัดอาถรรพณ์ คนจีนสมัยก่อนจึงมักเขียนภาพ หรือตั้งปติมากรรม รูปปี่เซี๊ยะไว้ตามประตูบ้าน และสุสานทั่วไป บางทีก็ประดับไว้บนหลังคาพระราชวังต่าง ๆ เพื่อให้มันช่วยขจัดสิ่งอัปมงคลทั้งหลายนั้นเอง ว่ากันว่ามีพลังในการกำราบสิ่งชั่วร้าย
       
       ปี่เซี๊ยะ เป็นที่รู้จักในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมซึ่งมีคนรู้จักน้อยมาก หากใครมีโอกาสไปเยือนประเทศจีนจะพบว่าสัตว์ตัวนี้ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในหมู่ผู้ทำมาค้าขาย ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และหน้าบ่อนการพนัน เพราะเชื่อว่าตั้งไว้เพื่อดูดทรัพย์พวกนักเล่น นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า พีซิว สามารถปกป้องคุ้มภัย ขจัดสิ่งอัปมงคล เมื่อได้ทรัพย์สินเงินทองมาแล้ว การใช้จ่ายจะรั่วไหลออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
 นอกจากนี้ตามร้านค้าหรือธนาคารนิยมมีไว้ บูชาเพื่อเก็บกักเงินทองไม่ให้รั่วไหลขจัดสิ่งอัปมงคล ว่าเทพเซียนปี่เซี๊ยะจะลงมาคุ้มครองและให้โชคลาภนับแต่นี้ไปอีก 20 ปี

        มีตำนานเล่าขานในทางมงคลถึง พีซิว มากมายโดยเฉพาะเรื่องราวในยุคต้นราชวงศ์ ชิง” (ราชวงศ์แมนจู) เล่ากันว่า เมื่อยุคเฉียนหลงฮ่องเต้ ครั้งยังเป็นองค์รัชทายาท เรียกกันว่า องค์ชายสี่” มีนักพรตท่านหนึ่งนำ พีซิว มามอบให้ โดยกำชับให้หมั่นดูแลทะนุถนอม พีซิวจักคุ้มครอง ปกป้องภัย และส่งพลังให้ขึ้นสู่ราชบัลลังก์ ซึ่งองค์ชายสี่ก็ได้ทำตามนั้น จวบจนต่อมาได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์จึงพระราชทานยศตำแหน่งแก่ พีซิว นาม เทียนลู่” (บารมียศแห่งสวรรค์) และอยู่คู่เฉียนหลงฮ่องเต้ตลอดรัชสมัย 60 ปีที่ครองราชย์ ซึ่งนับเป็นระยะเวลาแห่งการครองราชย์อันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน

             ปีเซี๊ยะเป็นสัตว์ตามตำนานของจีน เป็นการรวมตัวของสัตว์ 5 ชนิดประกอบด้วย สิงโต มังกร กวาง แมว นกอินทรีย์ ลักษณะของปีเซียะเป็นสัตว์ที่มีญานวิเศษ ส่วนหัวคล้ายมังกรทรงอำนาจ ลำตัวเป็นกวาง กรงเล็บเท้าสิงโตที่ทรงพลัง มีเขามีหนวดใต้คาง หน้าแหงน อกตั้ง มีตาและหางแมวที่ศักดิ์สิทธิ์ มีปีก 2 ข้างของพญานกอินทรีย์ ตั้งแต่อกแนบติดลำตัว หางใหญ่ หน้าดุมาก คึกคะนอง สง่างาม สัตว์ทั้ง 5 ชนิดมีความหมายดังนี้

      พญามังกร (หลง) = ราชาแห่งสัตว์ที่ทรงอำนาจที่สุดในสวรรค์

      สิงโต (ซือจื่อ) = ราชาแห่งสัตว์บนพื้นพิภพ ทรงพลังปราบสิ่งชั่วร้ายทั้ง ปวง และเป็นพาหนะของพระโพธิสัตว์มัญชุศรี

      พญาอินทรี(อิง) = ราชาแห่งสัตว์บนท้องฟ้าแข็งแกร่งกล้าหาญ โผบินได้ทุกที่

      กวาง (ลู่) = เป็นสัตว์มงคลหมายถึง ยศถาบรรดาศักดิ์ ตัวแทนแห่งความยั่งยืนร่ำรวยพร้อมชื่อเสียง

      แมว(มาว) = เป็นสัตว์ตาทิพย์ มองเห็นที่มืด และสิ่งชั่วร้ายได้ หางสามารถขจัดปัดสิ่งชั่วร้าย ขณะเดียวกันก็กวาดโชคลาภเข้าบ้านด้วย

            ความเชื่อ ปีเซียะเป็นวัตถุมงคลที่เป็นยอดนิยมมากที่สุดในปัจจุบันพบเห็นได้ทั่วไป ได้รับศรัทธา เชื่อถืออย่างแรงกล้า ได้รับการแนะนำโดยผู้เชียวชาญด้านฮวงจุ้ย เนื่องจากให้คุณประโยชน์มากมาย ลักษณะปีเซี๊ยะที่พบ จะเห็นในท่านั่งตะครุบเหรียญจีน เพื่อแสดงถึงการรักษาทรัพย์สินและโชคลาภไว้ ช่วยให้มั่งคั่ง ร่ำรวย คนส่วนใหญ่นิยมปีเซียะมากกว่ากิเลน ปีเซียะนั้นซื่อสัตย์และเชื่อฟังเจ้าของมากๆ ซึ่งให้คุณ 6 อย่าง
        1.) เป็นผู้พิทักษ์ทรัพย์สินและโชคลาภ     
        2.) เสริมฮวงจุ้ยและเป็นสิ่งมงคล
        3.) ส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวย                            
        4.) ป้องกันสิ่งชั่วร้ายในบ้านเรือน
      5.) ขจัดปีศาจและอุปสรรค์ ความยุ่งยากทั้งปวง
      6.) นำโชคลาภให้ไหลมาเทมาคนจีนสมัยก่อนมักเขียนภาพหรือตั้งประติมากรรมรูปปีเซียะ ไว้ตามประตูบ้าน สุสานต่างๆทั่วไป บางทีก็ประดับไว้บนหลังคาพระราชวังต่างๆ เพื่อให้มันช่วยขจัดสิ่งอัปมงคลทั้งหลายนั่นเองซึ่งมีพลังในการกำราบสิ่งชั่วร้าย

           การเลือกปีเซี๊ยะที่มีพลังดูดทรัพย์

         1.) การเลือกหินธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้หินหยก: Agate หรือหินโมราเพราะถือว่าเป็นหินนำโชค ตามหลักฮวงจุ้ย ราคาไม่แพง จะแตกต่างตามขนาด และวัสดุที่ใช้ทำและฝีมือการแกะสลักหิน
       2.) ควรเลือกปีเซียะที่มีความสง่างาม แกะได้คมชัด ไม่มีรอยร้าวหรือบิ่นแตก ถ้ามีรอยร้าวหรือตำหนิ ถือว่าพลังรั่วไหลหรือพลังตก ความสวยงามจะบอกถึงการดูดทรัพย์และมีพลัง
       3.) ตามหลักฮวงจุ้ยจีนอธิบายจุดเด่นของปีเซียะ ไว้ว่าต้องมีลักษณะ หัวมังกร เท้าสิงโต ลำตัวกวาง ปีกนกอินทรีและหางแมว
อกใหญ่ผึ่งผาย ก้นใหญ่(เก็บทรัพย์ได้มาก) ปากต้องกว้าง แลบลิ้น
(อ้าปากดูดทรัพย์ ลิ้นตวัดเงินทอง) ไม่มีรูทวาร (กักทรัพย์) หน้าตาดุร้ายน่าเกรงขาม(ขับสิ่งอัปมงคลออกไป)
        4.) ปีเซียะมีหลายรูปทรง มี 26 ชนิด เช่น เดี่ยว คู่ แม่ลูกอ่อน ไม่มีปีกแต่เพิ่มก้อนทอง หยู่อี่ เหรียญจักพรรดิ์ หรือสิ่งมงคลที่เพิ่มโชคลาภ บูชาที่บ้านหรือที่ทำงานหรือพกติดตัว
        5.) ถ้าจะบูชาตามฮวงจุ้ยจีนโบราณ จะนำเหรียญจักรพรรดิ 5 แผ่นดิน ร้อยตามพระนามของแต่ละราชวงศ์คล้องเชือกสีแดง ห้อยไว้ที่คอปีเซียะหรือนำเหรียญใส่ในปากก็ได้ เหรียญ 5 แผ่นดินถือว่าเป็นตัวแทนจักรพรรดิที่ทรงอำนาจบารมีมั่งคั่งที่สุดของแผ่นดินใหญ่ ต้องเลือกวางปีเซียะตำแหน่งที่หันออกหน้าบ้านหรือหน้าร้านหรือทิศทางเป็นมงคล
       6.) ปีเซียะที่นำเข้ามา ถ้าไม่มั่นใจให้นำไปปลุกเสกที่วัดหรือหลวงพ่อที่นับถือ หรือทำพิธีบูชาเองที่บ้านก็ได้โดยจุดธูป 3 ดอกตั้งจิตอธิฐานและสวดมนต์ จากนั้นทำพิธีเปิดตาปีเซี๊ยะก่อน โดยการนำแก้วที่มีน้ำเย็นและน้ำร้อน อย่างละเท่ากันครึ่งๆ เป็นการปรับหยิน-หยาง  ใช้สำลีชุบน้ำในแก้ว มาเช็ดที่ดวงตาทั้งสองข้าง จากนั้นถ้าตัวเล็กพอถือได้ให้ถือปีเซียะหรือกำไว้ในมือ วนทางซ้าย 3 ครั้ง ขวา 3 ครั้ง บนธูปที่จุดปักไว้ในกระถาง  ถ้าตัวใหญ่ให้ใช้วิธีนำธูปมาวนรอบตัวปี่เซี๊ยะโดยวนซ้าย3ครั้ง แล้ววนขวา 3 ครั้ง แล้วปักธูปในกระถาง เป็นเสร็จพิธี
         7.) เมื่อบูชาแล้วให้หมั่นลูบที่ส่วนหัว จะทำให้มีบารมี  มีปัญญาผ่องใส  ลูบที่ท้องจะเกิดความสมบูรณ์พูนสุข ลูบที่หลังทำให้มีโชควาสนา ลูบที่บั้นท้ายมีทรัพย์มาก 

   ลักษณะของปี่เซี๊ยะที่ดี 8 ประการ คือ

        1.) อ้าปากรับทรัพย์   
        2.) หางยาวกวักโชคลาภ
        3.) ยกหัวข่มศัตรูคู่แข่ง          
        4.) เท้าตะปบเงิน (หาเงินเก่ง รักษาทรัพย์ให้งอกงาม)
        5.) ก้าวขา-ก้าวหน้า               
        6.) ลิ้นยาว ตวัดโชคลาภเงินทอ
       7.) องอาจน่าเกรงขาม         
       8.) ไม่มีรูทวาร (รูตูด) เงินทองเข้าอย่างเดียวไม่ไหลออก

           ปี่เซี๊ยะตามหลักเบญจธาตุ
         ปี่เซียะ เป็นสัตว์มงคลลูกผสม 
5 ชนิด คือ

        มังกร (หลง)เป็น ธาตุไม้       สิงโต (ชีจื่อ)เป็นธาตุทอง
        อินทรี (อิง) เป็น ธาตุไฟ           กวาง (ลู่) เป็นธาตุน้ำ

                              แมว (มาว) เป็นธาตุดิน

        ข้อควรปฏิบัติในการบูชาปีเซี้ยะ

             ก่อนนำปีเซี้ยะเข้าบ้านหรือเปิดกล่องบรรจุให้จุดธูปเทียนบอกกล่าวพระ – เทพเจ้า – เจ้าที่เจ้าทางในบ้านใช้ธุป 5 ดอก ว่า ข้าพเจ้าขอนำปี่เซี๊ยะเข้ามาในบ้านเพื่อนำโชคลาภ เงินทองมาให้กับเรา จากนั้นแสดงความรักเหมือนเป็นสัตว์คู่กาย เช่น ลูบตามลำตัว อก หลังจรดหาง บอกประมาณว่า เราเป็นเจ้าของให้ช่วยหาทรัพย์สินเงินทองมาให้ด้วย และควรจัดภาชนะใส่น้ำ(ถ้วยแก้ว)ใส่น้ำสะอาดเปลี่ยนทุกวัน (หรือทุกอาทิตย์) วางไว้ไกล้ๆ

ข้อสำคัญ ปี่เซียะที่ผ่านการประสิทธิมงคลแล้ว ไม่ควรวางไว้ที่ต่ำ ที่ใกล้ห้องน้ำ ใต้บันใด หรือเดินข้าม ทั้งนี้ ห้ามยุ่งเกี่ยวใดๆ กับปากและลิ้นของปี่เซียะเป็นอันขาด 

        การจัดวางปีเซี๊ยะ

    1. ทิศที่ดีที่สุดในการตั้งไว้ในบ้านคือ ทิศตะวันออก ให้วางต่ำกว่าระดับสายตา ณ จุดที่สูงสุดในบ้าน

    2. ถ้าอยากมีโชคลาภ ต้องการป้องกันสิ่งชั่วร้าย ควรวางไว้บนโต๊ะ ห้องรับแขก หรือจุดสำคัญของบ้าน จะช่วยให้มีอำนาจในการบริหารจัดการ ให้วางไว้ตั้งโต๊ะทำงานโดยวางไว้ทิศตะวันตกเฉียงหนื

    3. สำหรับคนเดินทางไกลบ่อยๆ ให้ตั้งหันหน้าออกที่หน้าประตูหลัก (หรือตั้งไว้ในรถ 1 ตัว) เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและอุบัติเหตุ และเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นประสบความสำเร็จ ในการเดินทางธุรกิจ และสามารถแยกแยะคนชั่วร้าย ป้องกันไม่ให้เข้ามาทำอันตรายได้

      ของบูชาปี่เซี๊ยะ

      1. ขนมจันอับ ชาวจีนเรียก โหงวเส็กทึ้งแต่เหลียง แปลว่าขนม 5 สี (แทนเบญจธาตุ)

      2.ผลไม้มงคล อาทิ

          - ส้ม ชาวจีนเรียกว่า กา หรือไต้กิก หมายถึง เป็นมงคลยิ่ง โชคดี

          - องุ่น ชาวจีนเรียกว่า ผู่ท้อ หมายถึง งอกงาม เจริญ

          - สัปปะรด ชาวจีนเรียกว่า อั่งไล้ หมายถึง มีโชคมาหา

          - กล้วย ชาวจีนเรียกว่า เฮียงเจีย หมายถึง มีลูกหลานสีบสกุล

          - ลูกท้อ ชาวจีนเรียกว่า ท้อ หมายถึง ผลไม้สวรรค์ อายุยืน

          - ทับทิม ชาวจีนเรียกว่า เสียะลิ้ว หมายถึง ผลไม้สวรรค์ มีความอุดมสมบูรณ์

สอบถามเพิ่มเติม  

โทร.หรือ Line0842616667 https://www.kaidee.com/member/listing

https://www.facebook.com/PDSTONESHOP

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563

ลองเช็คดู- จังหวัดคุณ.....ใช่พื้นที่โควิด-19์? 31 มีนาคม 63

ลองเช็คดู- จังหวัดคุณ.....ใช่พื้นที่โควิด-19์? โควิด -19 กระจายไป 61 จังหวัดทั่วประเทศ
วันนี้ (31 มี.ค.2563) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19ว่าจากการวิเคราะห์จำแนกตามแผนที่แสดงจังหวัดที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมโควิด-19 มีจำนวน 1,651 ราย ใน 61 จังหวัด ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.2563 แบ่งเป็น กทม.795 ราย นนทบุรี 79 ราย ภูเก็ต 55 ราย ยะลา 48 ราย สมุทรปราการ 41 ราย ชลบุรี 40 ราย ปัตตานี 33 ราย สงขลา 30 ราย เชียงใหม่22 ราย ปทุมธานี 17 รายอุบลราชธานี13 ราย สุราษฎร์ธานี,นครราชสีมา 11รายบุรีรัมย์,สุรินทร์,นครปฐม 10 ราย กาญจนบุรี,สมุทรสาคร 9 ราย อุดรธานี,กระบี่,ประจวบคีรีขันธ์ 8 ราย นราธิวาส,ฉะเชิงเทรา,นครสวรรค์ 7 ราย ราชบุรี,สระแก้ว 6 ราย เชียงราย, พัทลุง , มุกดาหาร , สระบุรี , แม่ฮ่องสอน ,ขอนแก่น 4รายตรัง, เพชรบูรณ์, นครศรีธรรมราช, จันทบุรี, ปราจีนบุรี, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, อุตรดิตถ์ 3 ราย สุโขทัย,เลย,ชัยภูมิ,ตาก,ระยอง,ลพบุรี,พะเยา,กาฬสินธุ์,สุพรรณบุรี,พิษณุโลก,หนองบัวลำภู,มหาสารคาม 2 ราย และเพชรบุรี,แพร่,นครนายก,ยโสธร,หนองคาย,อำนาจเจริญ,อุทัยธานี,ลำพูน,ชุมพร 1 ราย รวมถึงอยู่ระหว่างสอบสวน 270

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2563

วาทะผู้ว่าลำปางนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากรกล่าวไว้??


ก่อนที่จะนอนหลับในคืนนี้และทุกๆคืนผมอยากจะให้ทุกๆคนนึกถึง  13  หมูป่า ติดถ้ำ 17  วันสุดมืดมิดทั้งชีวิตไร้หนทาง ปราศจากน้้ำกินดีๆ ไม่มีมาม่าให้ต้ม  ไม่มีไฟ  ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีอะไรให้ดู  ไม่มีแสงส่องสว่าง มีแต่ความืดมิด  และความหวาดกลัว  หวาดระแวง  ความหิวโหย ความทรมาน อจนลำไส้บิด ผอม  ไร้เรี่ยวแรง  เวลาฆ่าเขาได้ตลอดที่น้ำจะสูงขึ้นฆ่าชีวิตได้ทุกนาที  ทุกๆนาทีมีเสียงร้องไห้ของเพื่อน ของน้อง ของพี่
                ผมถามกลับกัน?? ว่าวันนี้คุณจะหยุดอยู่บ้านเพียง 14 วันมีทั้งของกิน มีทั้งไฟฟ้า มีทั้งอินเตอร์เน็ต มีทั้งพัดลม มีทั้งผ้าห่ม มีทั้งหมอน มีทั้งคนรัก  มีทั้งคนกอดมีทุกๆอย่างที่จะทำให้คุณไม่ลำบาก คุณหยุดให้ประเทศไทยได้ไหม? ขอให้ทุกคนอดทน  เจ็บแต่จบ  เราจะผ่านมันไปโดยเร็วครับ

                                                                         

ถอดบทเรียน coronavirus จาก5ประเทศ : อย่าให้ประชาชนจ่ายค่าตรวจและรักษา


ถอดบทเรียน coronavirus  จาก 5 ประเทศ : อย่าให้ประชาชนจ่ายค่าตรวจและรักษาเพราะจะเป็นปัจจัยในการขัดขวางการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19
                

             สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด 19)   ในตอนนี้ถือว่ากำลังส่งสัญญาณเป็นบวกของรัฐบาลจีนชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลอื่นๆที่กำลังประสบปัญหาทั่วโลกคือการเตรียมความพร้อมของงบประมาณสำหรับจ่ายค่าตรวจเชื้อและค่ารักษาผู้ป่วยทุกคน 
                                                                               
             
              หนังสือพิมพ์ South China Moning Post เผยแพร่บทความที่ชี้ให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญของจีนในการเตรียมพร้อมงบประมาณเพื่อดูแลค่าตรวจเชื้อและค่ารักษาเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อยหลีกเลี่ยงการตรวจรักษาเนื่องจากกลัวค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

                                                                             
             โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ผลกระทบการหลบเลี่ยงการตรวจรักษา   เพราะกลัวเสียค่าใช้จ่ายจะยิ่งส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ขณะที่ข้อมูลจากวารสารการแพทย์ชี้ว่าปกติแล้วค่าตรวจ โควิด-19ของจีนจะอยู่ที่ประมาณ   370   หยวน   (ราว1,676 บาท)ส่วนค่ารักษาหากเทียบจากโรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้จะอยู่ที่ประมาณ  23,000   หยวน   (ราว104,100 บาท)  สำหรับผู้สูงอายุและ  5,600หยวน   (25,370 บาท) สำหรับเยาวชน
                                                                                                                                  
             นอกจากนี้  ยังมีวิธีการรักษาบางอย่างเช่นการทำ   ECMO   หรืออ๊อกซิเจนเมมเบรนภายนอก    (Extracorporeal  Membrane Oxygenation)    เป็นการให้อ๊อกซิเจนในเลือดสำหรับผู้ป่วยเพื่อช่วยในการหายใจก็มีราคาค่อนข้างแพง  แต่ทั้งหมดนี้เป็นส่วนของรัฐบาลต้องสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลจีนเตรียมงบประมาณกว่า  110,480   ล้านหยวน    (500,000 ล้านบาท)  เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์รักษาและ ค่าใช้จ่ายสำหรับแพทย์และพยาบาลไว้แล้ว
                                                                                    

              เกาหลีใต้  ที่พบผู้ติดเชื้อ  7,800 คน   รัฐบาลเกาหลีใต้และบริษัทประกันภัยต่างก็ประกาศตั้งแต่เดือนมกราคมว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการตรวจหาเชื้อ       กักตัวและรักษาผู้ติด โควิด-19  ซึ่งรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานีตรวจหาเชื้อรวมถึงจุดบริการตรวจเชื้อแบบ Drive-through หรือขับรถผ่าน ทำให้ประชาชนเข้ารับการตรวจเชื้อวันละกว่า 15,000 คน

                                                                            
              ส่วนญี่ปุ่นรัฐบาลเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งการตรวจหาเชื้อและการตรวจรักษา

                                                                                                                              
            ขณะที่อังกฤษ ก็เปิดให้ประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและจนถึงตอนนี้ผู้ได้รับการตรวจหาเชื้อแล้วกว่า18,000 คนในจำนวนนี้มีผู้ติดเชื้อ  373  คน                                                                                                                                                                                     
         ทั้งนี้ศาสตราจารย์ เดิร์ก ไฟฟ์เฟอร์จากมหาวิทยาลัยซิตี้ในฮ่องกงชี้ว่าการจ่ายค่าตรวจรักษาโควิด-19 ของประชาชนนั้นจะเป็นการขัดขวางความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส                          

            สรุปได้ว่าไม่ว่าที่ไหนที่คุณต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่มีอาการไม่รุนแรงและอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจะลังเลที่จะไปโรงพยาบาล บางทีอาจจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ติดเชื้อระบาดรุนแรงด้วย      พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้การแพร่ระบาดยิ่งขยายตัวมากขึ้น  ศาสตราจารย์ไฟฟ์เฟอร์กล่าว                                                                                                                                               
อ้างอิงthestandard.co/coronavirus-lesson-from-china/บทเรียนจีน


วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2563

โรงเรียน.ดี-เดย์การบริบาลมหาสารคามจบแล้วมีงานทำทั้งในและต่างประเทศ ชวร์!!


ยินดีต้อนรับ
                                  
ยินดีต้อนรับ......สู้โรงเรียนดี-เดย์การบริบาลมหาสารคาม  ผู้นำการฝึกพนักงานการบริบาลครบวงจร 


รียนทุกหลักสูตรในโรงเรียนดี-เดย์การบริบาลทุกโปรแกรมได้รับสิทธิ์ในการฝึกงานและปฎิบัติงานด้านเทคนิคที่ประเทศญี่ปุ่น 3 ปี     จบแล้วมีงานทำทั้งในและต่างประเทศ ชวร์!!





เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา  2563