วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561
บทความพรุ่งนี้ก็ 60 ปีแล้ว
พรุ่งนี้ก็ 60 ปี แล้วซินะ ความแก่อยู่ในตัวเราทุกคน
มุมมองคนอายุ หกสิบปี กับคนอายุ ยี่สิบปี มีข้อแตกต่างกันก็แค่คนหนึ่งคือไม่แก่แต่คนแก่เคยเป็นหนุ่มสาวมาก่อนถ้าเรามองความแตกต่างอย่างไม่ติดใจในความแก่ คิดว่าเมื่อยังหนุ่มสาวก็หนุ่มสาวให้เต็มที่ แต่เมื่อความหนุ่มสาวผ่านไปแล้วก็อย่าไปอาลัยอาวรณ์เสียดาย เสียใจ ยอมรับความชราความแก่ให้เต็มที่เหมือนกับที่เรายังเป็นหนุ่มเป็นสาว
คนแก่ยุคดิจอตอล ถ้าคิดว่าร่างกายเรายังแข็งแรงและยังทำงานได้อยู่ก็คงทำงานได้พอสมควรอายุจะกี่ปีก็ตาม เช่นถ้าเราคิดว่าคนเราทำงานได้ในช่วงอายุราวๆ ยี่สิบปี ถึงอายุแปดสิบปี เพราะฉนั้นคนเราจะทำงานได้ เฉลี่ย หกสิบปี ลองตั้งคำถามดูว่าตอนนี้เราทำงานมาแล้วกี่ปี คำตอบก็คือ ตอนนี้เราทำงานมาแล้วประมาณ สามสิบห้าปี ฉนั้นตอนนี้เรายังมีเวลาทำงานได้อีกตั้ง ยี่สิบห้าปี หรือมากกว่า (ถ้ายังไม่ตาย ฮ่าๆ)เมื่อมาถึงตรงนี้เรายังมีเวลาอีกมากพอที่จะเริ่มทำงานใหม่ๆได้เมื่อ " เกษียรอายุราชการ" เมื่อเราคิดอย่างนี้แล้วเรายังไม่แก่เกินแกงหรอก อายุเป็นเพียงตัวเลขสมมุติมันไม่สำคัญหรอก ส่วนสำคัญคือเราต้อง "มองโลกในทางดีทางบวก" เพื่อสร้างพลังผลักดันเอื้ออำนวยให้เรามีเวลาเริ่มต้นทำงานในสิ่งใหม่ๆที่ใจคิดอยากจะทำและรักที่จะทำและยังไม่ได้ทำจงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทำงานให้เต็มชีวิต เราอย่าไปอยู่แบบคนแก่ๆที่ขมขื่น มองโลกให้สดชื่นเบิกบาน แค่นี้เราก็อยู่ได้แล้วกระชุ่มกระชวยเหมือนคนหนุ่มคนสาวเหมือนเมื่อตอนอายุ ยี่สิบสองปีแล้วครับ
สรุปสั้นๆ ถ้าเรามองปัจจุบันเป็นเชิงบวก คิดว่ายังหนุ่มยังสาวไม่ใช่คนแก่ คิดใหม่ๆเป็นระยะๆ แบบสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความกระตือรือร้นและสร้างความรู้สึกให้เหมือนคนหนุ่มคนสาว จงอยู่กับปัจจุบัน อยากทำกิจกรรมอะไรที่ยังไม่ได้ทำในระหว่างที่ยังทำงานอยู่ก็ทำไปเถอะครับ
คนหนุ่มคนสาวนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่าง เพราะมีหน้าที่ที่ถูกบังคับให้ทำอย่างไม่ขาดสายไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพใด มีเรื่องที่จะทำทางสัมมาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ส่วนรวม มีปัญหาต่างๆมาให้แก้ไม่ขาดสาย มีเวลาที่จะทำกิจกรรมส่วนตัวน้อย ตรงนี้แหละที่คนแก่ได้เปรียบ เพราะมีภาระน้อยกว่าคนหนุ่มคนสาวสามารถเลือกทำกิจกรรมตามใจที่เรารักเราชอบเลือกได้อิสระ ไม่มีใครบังคับแล้ว เช่นเล่นกีฬา ปลูกต้นไม้ สะสมของเก่า อ่านหนังสือ หรืออยากท่องเที่ยวก็อิสระดีแน่แท้ ทำให้เกิดความสนใจอยู่เป็นนิจ ความคิดโลดแล่น สมองจะได้ไม่ฝ่อครับ ทำให้เกิดความเบิกบานใจได้มาก ความเหงาจะได้ไม่มาเยือน
จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะวันพรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง ส่วนอดีตที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเลิกลากันไป วางมือกันไป ไม่สามารถแก้ไขได้อีกแล้ว ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ใจรัก จงมีความสุขกับมัน มองโลกในแง่ดี โรคาพยาธิจะได้ไม่มาโจมตีเราได้ครับ
ของฝาก 4 อย่างที่ฝากไว้ครับ ดูแลเฝ้าระวังและปฎิบัติตามปัจจัยเหล่านี้เป็นประจำก็ดีครับ
1. เรื่องของพันธุกรรม 2. เรื่องของการโภชนาการ 3. กิจกรรมทางกาย 4. ความเครียด
ดร.ภักดี รัตนมุขย์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)